โค้ตข้อความวิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อกของฉัน

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานที่เที่ยวในจังหวัดสมุทรสงคราม

  ประวัติวัดเพชรสมุทรวรวิหาร  


            วัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เดิมชื่อ วัดศรีจำปา เป็นวัดที่สำคัญของจังหวัด ตามพงศาวดารฉบับราชหัตถเลขา ปี พ.ศ. 2307 พม่ายกทัพเข้ามาตีเมืองเพชรบุรี แต่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพมาช่วยรักษาเมืองไว้ได้ ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปา จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อบ้านเดิมของตนในเมืองเพชรและช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปา เรียกวัดนี้ใหม่ว่า "วัดบ้านแหลม"

          ชาวบ้านแหลมนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง คราวหนึ่งได้ออกไปลากอวนในอ่าวแม่กลองพบพระพุทธรูปติดอวนขึ้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง อีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืน สำหรับพระพุทธรูปนั่งได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี สำหรับพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรสูงประมาณ 167 เซนติเมตร (แต่บาตรนั้นสูญหายไปในทะเล สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภานุพันธ์วงศ์วรเดชได้ถวายบาตรไว้ให้บาตรหนึ่งเป็นบาตรแก้วสีน้ำเงิน) นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกว่า "หลวงพ่อบ้านแหลม" มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วไป

          วัดบ้านแหลมเจริญขึ้นเป็นวัดใหญ่ เนื่องจากมีผู้คนมาทำบุญนมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมกันเรื่อยมา ต่อมาวัดนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร" ภายในบริเวณวัดเพชรสมุทรยังมีพิพิธภัณฑ์สงฆ์ จัดแสดงพระพุทธรูป และพระเครื่องสมัยต่างๆโบราณวัตถุเครื่องลายคราม และธรรมมาสน์บุษบกสมัยกรุงศรีอยุธยา ปกติไม่เปิดให้เข้าชม ต้องติดต่อเจ้าอาวาสก่อนล่วงหน้า

เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง 

      “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ

        ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ 

๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
       
       โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ  ดังนี้

๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

กำเนิดอาเซียน


800px-flag_of_asean_svg
สัญลักษณ์อาเซียน
กำเนิดอาเซียน

          อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations หรือ ASIAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งได้มีการลงนามที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย  ฟิลิปปินส์  มาเลเซีย  สิงคโปร์ และไทย ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยนายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย) ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย) นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์) นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์) และพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย)
        ในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม (เป็นสมาชิกเมื่อ 8 ม.ค.2527)  เวียดนาม (วันที่ 28 ก.ค. 2538)  สปป.ลาว พม่า (วันที่ 23 ก.ค. 2540)  และ กัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด (วันที่ 30 เม.ย. 2542) ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
asean flags2
ประเทศในสมาชิกอาเซียน
วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน 
          คือ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โรคระบาด


โรคอีสุกอีใสและการป้องกัน



      โรคอีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื่อไวรัสโดยมีอาการที่สำคัญ คือ ผู้ป่วยจะมีตุ่มขึ้นทั่วไปตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ ในระยะแรกจะขึ้นเป็นผื่อคัน ตุ่มแดง ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มใส และค่อยๆเปลี่ยนเป็นตุ่มใส และค่อยๆเป็นตุ่มหนองจากนั้นจะตกสะเก็ดและค่อยๆหลุดกลายเป็นจุดด่างดำหรีอรอยแผลเป็นได้
       อีสุกอีใสเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายจากการไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย โดยเฉพาะบริเวณตุ่มใส นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคอีสุกอีใสก็จะมีโอกาสติดต่อไปถึงเด็ก
ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคภายหลังรับเชื่อ14-16 วันโดยจะมีอาการปวดศรีษะ ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหารและมีตุ่มขึ้น ตุ่มจะขึ้นที่หนังศรีษะก่อนแล้วกระจายไปบริเวณหน้า ลำตัว และแผ่นหนังตามตัวบริเวณแขนและขา
       ถ้าเป็นโรคอีสุกอีใสแล้ว จะรักษาได้อย่างไร
การดูแลรักษาโดยทั่วไปจะรักษาตามอาการไข้และอาการทางผิวหนัง โดยให้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล(ห้ามให้แอสไพริน โดยเด็ดขาด) ทำความสะอาดผิวหนังและให็ยาทาแก้คัน นอกจากนี้อาจมีอาการให้ยาเพื่อยับยั้งการเจริญของ เชื่อไวรัสร่วมด้วย ทางที่ดีผู้ป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
       ถ้าไม่อยากเป็นโรคอีสุกอีใสจะป้องกันได้อย่างไร
เราสามารถหลีกเลี่ยงการเป็นโรคอีสุกอีใสได้ด้วย
1. แยกเด็กที่ป่วยไว้ต่างหาก
2. ไม่ใช้ข้าวของปะปนกัน
3. พักผ่อนให็เพียงพอ ดื่มนำมากๆ
4. ฉีดวัคซีนป้องกัน

 
แหล่งอ้างอิง
         โรคอีสุกอีใสและการป้องกัน.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก:http;/www.dek.geng.com/thai/conp/9805. html

my history

                                                                   My history 
           Name Wannapa Boonrod 
           Nick name Pear 
          14 years old 
           Date of birth 10 June 1998 
           I like to eat every thing.